การถ่ายด้วยแฟลชนอกจะมีสองอย่างคือ ยิงแฟลชตรง กับ ยิงแฟลชสะท้อน (Bounce) ความแตกต่างทั้งสองแบบก็ไม่มากสักเท่าไรหากเข้าใจหลักการของทำงานของแฟลชเสียก่อน
TTL คืออะไร?
TTL (Through The Lens) คือการวัดแสงเพื่อควบคุมปริมาณแสงแฟลชผ่านทางเลนส์ ปัจจุบันของ Canon เป็น E-TTL-II (Evaluate Through The Lens) โดยหลักการทำงานของแฟลชจะมีการตรวจสอบความเร็วชัตเตอร์ ISO และการเปิดหน้าเลนส์แล้วตรวจสอบว่าจะกำหนดให้แฟลชทำงานเพื่อชดเชยแสงที่ปรับไว้ขนาดไหน โดยการทำงานจะมีการคำนวนคร่าว ๆ ก่อนเมื่อเรากดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง แต่ขณะที่กดถ่ายรูปและแฟลชทำงานก็จะมีการวัดแสงและชดเชยในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เรียกได้ว่าในช่วงเสี้ยวหนึ่งของนาทีเลยก็ว่าได้ ส่วนรายละเอียดลึก ๆ จะค้นหาและนำมากล่าวถึงทีหลัง
แล้วจะถ่ายโหมดไหน
คำถามนี้เห็นบ่อยและผู้เขียนเองก็ประสบปัญหาก็ลองถ่ายดูแล้วถึงเข้าใจว่าจะโหมดไหนก็ใช้ TTL ได้ไม่ว่า P S A หรือ M ถ่ายแล้วแฟลชจะทำงานโดยอัตโนมัติ จากการทดลองง่าย ๆ คือ
- ตั้งค่าในโหมด M ให้เป็น 1/250s ISO100, f/4
- ตั้งค่าในโหมด M ให้เป็น 1/1500s ISO100, f/4 (กำหนด Hi-Speed Sync)
ภาพตัวอย่าง
ถ่ายที่ 1/250s, f/4.0 และ ISO100 |
ถ่ายที่ 1/1500s, f/4.0 และ ISO100 |
จากภาพตัวอย่างจะเห็นได้ว่าความสว่างใกล้เคียงกันจะต่างกันบ้างเล็กน้อยนั่นหมายความว่าหากการยิงแฟลชตรง ๆ กล้องจะคำนวนให้แทบไม่ต้องทำอะไรเลย
แต่ปัญหาคือการยิงแฟลชตรงจะทำให้แสงแข็งกระด้างเกินไป แฟลชรุ่นใหม่ ๆ จะสามารถยิงสะท้อนวัตถุอื่น (Bounce) เพื่อให้แสงมีความกว้างส่งผลให้ความนุ่มนวลที่เกิดจากการกระเจิงของแสง แต่ปัญหาปริมาณแสงจะลดน้อยลงขึ้นอยู่กับวัตถุที่ใช้สะท้อนแสง แก้ไขด้วยการปรับปริมาณแสงเพิ่มหรือสั่งให้แฟลชชดเชยแสงให้มากขึ้นจะมากน้อยเท่าใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัตถุต้องลองถ่ายแล้วปรับดูอีกที
เมื่อทำให้แสงนุ่มนวลลงได้ก็ทำให้เกิดปัญหามิติของภาพเพราะแสงวิ่งไปกระทบตัวแบบตรง ๆ อีก ทำให้ใบหน้าหรือแบบแบนราบไร้มิติเพราะแสงมีทิศทางตรงเพียงอย่างเดียว ดังนั้นจึงแก้ไขด้วยการใช้แฟลชแยก ให้สูงกว่าแบบประมาณ 45 องศาเฉียงไปทิศใดทิศหนึ่ง 45 องศาเช่นกัน จะส่งผลลัพธ์ให้ภาพมีมิติตามหลักทางศิลปะที่คนโบร่ำโบราณได้ทดสอบ ทดลองจนสรุปเป็นทฤษฎีทางศิลปะไว้เรียบร้อยแล้ว
ทั้งหมดนี้กล่าวถึงการใช้แฟลชแบบ TTL หากใช้แบบกำหนดเอง (Manual) ก็แล้วแต่ประสบการณ์แล้วล่ะครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น